วัดบึง (พระอารามหลวง)

วัดบึง ตั้งอยู่ภายในกำแพงเมืองนครราชสีมา เลขที่ 42 ถนนจอมพล ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา มีเนื้อที่ 16 ไร่ 68 ตารางวา ตามโฉนดที่ 694 เล่ม 7 หน้า 94 อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. 2481 มีอาณาเขตทิศเหนือติดถนนจอมพล ทิศใต้ติดถนนมหาดไทย ทิศตะวันออกติดสถานีกาชาด และทิศตะวันตกติดที่ดินเอกชน มีกำแพงล้อมรอบวัด ประตูเข้าออกทั้ง 4 ด้าน ถนนภาย ในวัดเชื่อมต่อถึงกันโดยตลอด การคมนาคม และการเข้าออกภายในบริเวณวัดสะดวกเป็นวัดใหญ่เก่าแก่ที่มีความสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดนครราชสีมา มาตั้งแต่โบราณถึงปัจจุบัน สร้างเมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2220 ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา ภายในวัดจึงประกอบไปด้วย ศิลปวัตถุ โบราณวัตถุ ที่ทรงคุณค่าด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดีและศิลปกรรมเป็นจำนวนมาก เช่น พระอุโบสถทรงสำเภา ตู้พระธรรม ประติมากรรม และจิตรกรรม เป็นต้น ซึ่งมรดกทางวัฒนธรรมเหล่านี้ได้รับการอนุรักษ์ปรับปรุงและปฏิสังขรณ์ให้คงสภาพเดิมตลอดมา โดยเหตุที่วัดนี้ตั้งอยู่กลางบึง จึงเรียกกันว่า "วัดบึง” พระอุโบสถของวัด เป็นทรงเรือสำเภา มีองค์ประกอบครบถ้วน ที่ทรงคุณค่าทางด้านสถาปัตยกรรม และศิลปกรรมเป็นโบราณวัตถุที่มีค่ามหาศาลควรค่าแก่การอนุรักษ์ให้ชั่วกาลนาน ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 10 เดือน มิถุนายน พ.ศ. 2230 (ลงทะเบียนวัดอำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ภาค 11 มหานิกาย) พระอุโบสถทรงเรือสำเภาของวัดนี้

          มีความสวยสดงดงามและวิจิตรพิสดาร ในจังหวัดนครราชสีมาและภาคตะวันออกเฉียงเหนือนี้ ยังคงเหลืออยู่เพียงหลังเดียวนี้เท่านั้น ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมโบราณชิ้นสุดท้ายของชาวจังหวัดนครราชสีมา ที่พอจะเป็นที่เชิดชูเกียรติให้ปรากฏต่อสังคมได้ วัดบึงนี้ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นวัดที่เจ้านาย หรือขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในสมัยนั้นสร้างขึ้นอย่างแน่นอน เพราะมีหลักฐานทางโบราณคดีทั้งทางด้านศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม คือ พระอุโบสถ พระประธาน ใบเสมา และองค์ประกอบอื่นๆ ตามที่กล่าวแล้วนั้น และเพราะมีจริยาวัตรที่ถือปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่โบราณกาลกระทั่งปัจจุบันว่า พระสงฆ์สามเณรและผู้ที่อาศัยอยู่ในวัดบึงจะต้องเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบมีสัมมาคารวะ มีระเบียบวินัย และรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งเรียกว่า “ผู้ดี” จึงจะอาศัยอยู่ในวัดนี้ได้นาน จนได้รับสมญานามว่า “วัดบึงขุนนาง

สนับสนุนโดย